กรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว เผย นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวไทยลดลง เหตุ คนไทยเที่ยวญี่ปุ่นเยอะ หาตั๋วกลับบ้านไม่ได้ นายจริวัฒน์ วงษ์สมศรี กรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) เปิดเผยถึงสาเหตุที่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มักจะเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยบ่อยลดลงในช่วงที่ผ่านมา โดยสาเหตุนั้นเป็นเพราะคนไทยเที่ยวญี่ปุ่นเยอะ ทำให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นหาตั๋วกลับบ้านไม่ได้
นายจริวัฒน์ เผยว่า แพคเกจทั้วร์ญีปุ่นของปีนี้
เต็มแล้วทั้งปี แม้ราคาจะสูงกว่า 80-100% คนไทยที่ต้องการไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มเติม คงต้องรอปี 2566 คาดว่าสายการบินจะเปิดเที่ยวบินเพิ่มเติม ขณะนี้เที่ยวบิน ไป-กลับ ญี่ปุ่นกลับมาให้บริการ ประมาณ 40 % จากก่อนโควิดระบาด
ด้าน นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล (ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ร่วมมือกับเอเยนต์ญี่ปุ่น ออกแพ็กเกจส่งเสริมให้คนญี่ปุ่นมาเที่ยวไทย ตามเป้าทั้งปี 2565 อยู่ที่ 350,000 คน แพ็กเกจพิเศษจะเริ่มส่งเสริมการตลาดเร็วๆนี้ เพื่อเปิดขายให้ได้ภายในเดือน ธ.ค. นี้ โดยตั้งแต่เดือน ม.ค. – กลางเดือน ต.ค. 65 ชาวญี่ปุ่นเดินทางมาเที่ยวไทย 230,000 – 240,000 คน
แต่สิ่งที่ทท.มีความกังวลใจคือ คนญี่ปุ่นหาตั๋วมาไทยได้ แต่ไม่สามารถหาตั๋วกลับได้เพราะถูกคนไทยที่อั้นการเดินทางจากโควิด จองตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นจนแน่น ญี่ปุ่นเป็นประเทศยอดนิยมของคนไทยและค่าเงินเยนอ่อนค่า ทำให้คนไทยจองตั๋วเครื่องบินและจองกรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวมากขึ้น
เร่งสืบ ตำรวจปทุมอมเงิน หลังไม่ยอมเงินคืนเงินให้คนโอนผิด จำนวน 37,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ล่าสุดเจ้าของได้เงินคืนแล้ว นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งแฟนเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วย น.ส.มยุรี ได้เดินทางมาที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อเข้าพบ พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อร้องให้ตรวจสอบตำรวจปทุมอมเงิน
หลังจากที่ น.ส.มยุรี ได้ร้องกับเพจสายไหมต้องรอดว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค. นายชุติพนธ์ โอนเงิน 37,000 เข้าผิดบัญชี และทั้งสองได้พูดคุยกันก่อนที่ทาง น.ส.มยุรี เดินทางไปที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี เพื่อลงบันทึกประจำวัน เพื่อโอนเงินคืนให้ผู้เสียหาย
ทว่าเมื่อลงบันทึกประจำวันไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าให้โอนเงินจำนวน 37,000 บาท มาไว้ที่บัญชีตำรวจเพื่อตรวจสอบก่อน 1 คืน แล้วจะโอนคืนให้เจ้าของบัญชีที่โอนมาผิดด้วยตัวเอง แต่ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว เงินยังไม่กลับคืนไปยังผู้เสียหาย จนทำให้คิดว่าตำรวจไม่คืนเงินโอนผิด และทำให้เจ้าของเงินเตรียมจะเดินทางแจ้งความ น.ส.มยุรี ในข้อหายักยอกทรัพย์
ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า วันนี้ได้พาผู้เสียหายมาเข้าพบ พ.ต.อ.อภิชาติ เพราะจนถึงวันนี้เจ้าของเงินตัวจริงยังไม่ได้เงินคืน และจะแจ้งความจับผู้เสียหายฐานยักยอกทรัพย์ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมคืนเงิน การนำเงินของผู้เสียหายเข้าบัญชีตัวเองนั้น ตนคิดว่าไม่เหมาะอย่างยิ่ง
ส่วน พ.ต.อ.อภิชาติ เผยว่าตนได้เรียกเงิน 37,000 บาท มาจากพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวและคืนให้เจ้าของแล้ว หลังจากนี้จะทำการตรวจสอบว่าตำรวจปทุมธานีอมเงินจริงหรือไม่
บุกค้นบ้าน เสี่ย ป อุดรธานี พบถุงยางใช้แล้วเต็มพื้น รูปเด็กเพียบ
ตำรวจบุกค้นบ้าน เสี่ย ป อุดรธานี หลังสาว 16 ร้องถ่ายรูปคลิป รวมถึงซื้อบริการเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าไปพบถุงยางใช้แล้วเต็มพื้น รูปเด็กเพียบ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจค้นบ้านพักของเสี่ย ป. อุดรธานี หลังจากที่สาววัย 16 ปี ได้เข้าแจ้งความ เสี่ย ป. นักธุรกิจ ถ่ายรูปและคลิปในรูปแบบโป๊เปลือยแลกเงิน โดยเกรงว่ารูปถ่ายจะไปปรากฏอยู่ในโซเชียล จึงมาแจ้งตำรวจ และยังมีการแจ้งความกรณีซื้อบริการหญิงสาว อายุต่ำกว่า 18 ปีอีกด้วย
เมื่อค้นบ้านเสี่ย ป. ก็พบว่ามีการทำสตูดิโอถ่ายภาพ และมีถุงยางอนามัยใช้แล้วเกลื่อนตกเต็มพื้น เมื่อตรวจสอบคอมพิวเตอร์ ภาพถ่ายเด็กหญิงในสภาพโป๊เปลือยกายเป็นจำนวนมาก จึงถือว่ามีความผิดอย่างชัดเจนตามกฎหมาย
ด้าน เสี่ย ป. นักธุรกิจอุดรธานี ให้ปากคำว่าตนถ่ายรูปไว้เฉยๆ ไม่ได้มีการบังคับหรือขืนใจ โดยเป็นการถ่ายแลกเงิน ทำมาได้ 1 เดือน ส่วนตัวเป็นคนชอบและรักเด็ก ก็จะซื้ออาหารให้ยามเด็กสาวไม่มีที่ไป ส่วนเรื่องโทร.หาเด็กให้หาเหยื่ออายุ13-15 ปีนั้น ตนจำไม่ได้ อาจเป็นการพูดเล่นเท่านั้น
ด้านผู้ใหญ่บ้าน ให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีใครรู้ว่า เสี่ย ป. อุดร ทำงานอะไร แต่เห็นเด็กเข้าออกบ้านตลอดทั้งคืน บางคนอายุแค่ 14-15 โดยเสี่ยป.นั้นเคยแต่งงานแล้ว หย่ากับภรรยาไป ทำธุรกิจอสังหารริมทรัพย์ โดยไปซื้อบ้านที่ถูกยึดจำนองแล้วเอามาขายต่อ
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ น.ส.นิด เด็กสาววัย 16 ปีที่แจ้งความได้เล่าให้ฟังว่า ตนไม่ได้เรียนหนังสือ เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขณะที่ตนอายุ 15 ปี ได้บอกให้เพื่อนหางานให้ทำ เพราะไม่มีเงินใช้ เพื่อนจึงแนะนำให้ตนไปหาเสี่ย ป. ซึ่งเป็นนักธุรกิจในเมืองอุดรธานี เพื่อนพาตนไปที่บ้าน แถว อ.เมืองอุดรธานี เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวมี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว มีรั้วรอบขอบชิด เมื่อเข้าไป เสี่ย ป.ก็ให้ไปนอนอยู่ในห้องด้วยจะร่วมหลับนอนพร้อมถ่ายคลิป จ่ายเงิน 1,000 บาท แต่ตนไม่ยอม จึงกลับและไม่ได้ติดต่อกับเสี่ย ป.อีก
ผ่านมาเดือนตุลาคม ปี 2564 ตนไม่มีเงินจ่ายค่าหอพัก จึงโทรไปหา เสี่ย ป. และชวนเพื่อนเข้าไปหาที่บ้าน ซึ่งไม่ได้หลับนอนกับตน แต่ให้ตนและเพื่อนถอดเสื้อผ้าออก และถ่ายรูปเก็บเอาไว้ และยังถ่ายคลิปตอนอาบน้ำ แล้วจ่ายเงินให้ตน 600 บาท ซึ่งตนเกรงว่าภาพจะหลุดไป จึงมาปรึกษากับเฮียเปี๊ยก แนะนำให้แจ้งตำรวจเพื่อดำเนินคดี และนอกจากนี้วันนั้นที่ไปหา ยังมีเด็กสาวอีกหลายคนอยู่ในห้องนอน
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป